ในยุคปัจจุบัน แม้ว่าจะมีวัสดุก่อผนังหลากหลายชนิดให้เลือกใช้ แต่ “อิฐแดง” ก็ยังคงเป็นวัสดุอันดับต้น ๆ ที่ยังนิยมนำไปใช้ในงานก่อสร้าง ซึ่งอิฐแดงเองก็มีหลากหลายรูปแบบเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นอิฐแดงแบบกลวง หรืออิฐแดงแบบตัน รวมถึงอิฐแดง มอก. ในบทความนี้ อิฐดีดีจึงอยากจะแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักกับ อิฐแดง มอก. อิฐแดงที่ได้รับการยอมรับจากหน่วยงานต่าง ๆ มากที่สุด จะมีลักษณะอย่างไร และมีข้อดีอะไรบ้าง ไปดูกันเลยครับ
- อิฐ มอก. คืออะไร?
- ประเภทของอิฐแดง มอก.
- ข้อดีของอิฐ มอก.
- สรุป
อิฐ มอก. คืออะไร?
มอก. ย่อมาจาก “มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม” เป็นสินค้าที่ได้รับการตรวจสอบ หรือทดสอบคุณภาพจากสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม และต้องมีคุณภาพตามที่มาตรฐานกำหนด จึงจะได้รับเครื่องหมาย มอก.เพื่อเป็นการการันตีสินค้า อิฐแดง มอก. จึงเป็นอิฐแดงที่มีคุณภาพดี มีมาตรฐาน แข็งแกร่ง ทนทาน กว่าอิฐแดงทั่วไป สามารถนำไปใช้ในงานก่อสร้าง ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมั่นใจในคุณภาพ
ประเภทของอิฐแดง มอก.
สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ได้แบ่งประเภท และกำหนดมาตรฐานในการผลิตอิฐแดง มอก. ไว้ 2 ประเภท คือ อิฐก่อสร้างสามัญ ( มอก.77-2545 ) และอิฐกลวงก่อแผงไม่รับน้ำหนัก ( มอก.153-2540)
1. อิฐก่อสร้างสามัญ ( มอก.77-2545 )
อิฐแดงลักษณะตัน ไม่มีรูกลวง หรือโพรง แต่อาจมีร่องอิฐ หรือรอยหวี ในการช่วยยึดจับปูน เนื้อหนาแน่น ด้วยการบีบอัดด้วยเครื่องจักร ลักษณะภายนอกทั่วไปต้องเป็นอิฐแดงตัน ได้เหลี่ยมมุม ไม่มีรอยแตกร้าว หรือจุดเสียหายอื่น ๆ ที่จะทำให้เกิดอุปสรรคในการนำไปใช้งาน ขนาดของอิฐก่อสร้างสามัญแต่ละมิติ จะมีเกณฑ์ความคลาดเคลื่อนได้ไม่เกินเกณฑ์ที่สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมกำหนด ซึ่งการทดสอบต้องทำโดยการวัดด้วยเครื่องมือที่วัดได้ละเอียดถึง 0.5 มิลลิเมตร เช่น เวอร์เนียร์
รูปภาพ : อิฐ มอก. 77-2545 ที่มา : brickdd.com
เกณฑ์ความคลาดเคลื่อนของขนาด อิฐ มอก. 77-2545
อิฐแดง มอก. ต้องมีการนำไปตรวจสอบคุณภาพอย่างน้อย 1 ครั้ง ต่อ ปี ซึ่งสิ่งที่ต้องทดสอบประกอบไปด้วยการทดสอบการต้านแรงอัด และการทดสอบการดูดกลืนน้ำ จากสถาบันทดสอบที่เชื่อถือได้ ซึ่งผลต้องเป็นไปตามเกณฑ์ที่สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมกำหนด
ค่าต้านแรงอัด และการดูดซึมน้ำ อิฐแดง มอก.77-2545
2. อิฐกลวงก่อแผงไม่รับน้ำหนัก (มอก.153-2540)
อิฐแดงที่มีรูกลวง หรือโพรง เช่น อิฐแดง 2 รู, อิฐแดง 3 รู ใหญ่ และ อิฐแดง 4 ช่อง โดยแบ่งประเภทความคงทนถาวรออกเป็น 3 ชั้น คุณภาพ คือ
ชั้นคุณภาพ ก เป็นอิฐที่มีความทนทานสูงอย่างสม่ำเสมอต่อการผุกร่อน เนื่องจากลม ฟ้า อากาศ
ชั้นคุณภาพ ข เป็นอิฐที่มีความทนทานปานกลาง และไม่ค่อยสม่ำเสมอต่อการผุกร่อนเนื่องจากลม ฟ้า อากาศ
ชั้นคุณภาพ ค เป็นอิฐสำหรับใช้ภายใน ไม่เหมาะกับการเผยผึ่งต่อลม ฟ้า อากาศ
ขนาดของอิฐกลวงก่อแผงไม่รับน้ำหนัก จะมีเกณฑ์ความคลาดเคลื่อนได้ไม่เกินเกณฑ์ที่สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมกำหนด ซึ่งการทดสอบต้องทำโดยการวัดด้วยเครื่องมือที่วัดได้ละเอียดถึง 0.5 มิลลิเมตร เช่น เวอร์เนียร์
ความคลาดเคลื่อนของขนาด อิฐแดง มอก.153-2540
ประเภทที่ 1 คือ อิฐกลวงก่อแผงไม่รับน้ำหนักที่มีเกณฑ์ความคลาดเคลื่อนของขนาดน้อยที่สุด
และ ประเภทที่ 2 คือ อิฐกลวงก่อแผงไม่รับน้ำหนักที่มีเกณฑ์ความคลาดเคลื่อนของขนาดมากกว่าประเภทที่ 1
สีของอิฐกลวงก่อแผงไม่รับน้ำหนักนั้น ขึ้นอยู่กับดินที่นำมาใช้ผลิต และอุณหภูมิในการเผา สีจึงไมใช่จุดที่จะบ่งชี้ถึงคุณภาพของอิฐกลวงก่อแผงไม่รับน้ำหนัก ซึ่งสามารถตรวจสอบได้จากค่าดูดกลืนน้ำ โดยต้องเป็นไปตามเกณฑ์ที่สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมกำหนด
ค่าดูดกลืนน้ำ อิฐแดง มอก.153-2540
ข้อดีของอิฐ มอก.
ด้วยความที่เป็นอิฐแดงที่มีความแข็งแกร่ง ทนทานเป็นพิเศษ และผ่านการตรวจสอบคุณภาพจากสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม อิฐแดง มอก.จึงเป็นที่นิยมในงานก่อสร้างศูนย์ราชการ งานโครงการ ตึก อาคาร โรงพยาบาล สถานศึกษา มหาวิทยาลัย โดยเฉพาะอิฐแดงชนิดตัน หรืออิฐแดง มอก.77-2545 ซึ่งมีความหนาแน่น รับน้ำหนักได้ดี เมื่อนำไปก่อผนังแล้ว ก็สามารถตอก เจาะผนังได้ โดยไม่กระทบกับจุดอื่น ๆ
นอกจากนี้ ค่าดูดกลืนน้ำของอิฐแดง มอก.จะต้องไม่เกิน 22% ต่างจากอิฐแดงทั่วไป ที่มีค่าดูดกลืนน้ำอยู่ที่ 22-25% ผนังจึงไม่กักเก็บความชื้น ที่จะก่อให้เกิดเชื้อราบนผนังได้ และสำหรับงานโครงการที่จำเป็นต้องใช้อิฐแดงจำนวนมาก โดยไม่ทำให้งานสะดุด อิฐแดง มอก. ก็สามารถตอบโจทย์นี้ได้ เพราะผลิตด้วยเครื่องจักรที่มีกำลังการผลิตมากกว่า 1 ล้าน ก้อน ต่อเดือน จึงมีจำนวนที่เพียงพอต่อความต้องการใช้งาน
สรุป
อิฐแดง มอก. ก็คืออิฐแดงที่มีความแข็งแกร่ง และคุณภาพดี กว่าอิฐแดงทั่วไป โดยมีเครื่องหมาย มอก. เป็นเครื่องการันตีว่าอิฐแดงชนิดนี้ได้ผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมแล้ว ซึ่งคุณสามารถขอเอกสาร มอก. หรือเอกสารการตรวจสอบคุณภาพจากผู้ผลิต หรือผู้จัดจำหน่ายได้ โดยเอกสารนี้ไม่ควรมีอายุเกิน 1 ปี นะครับ
ขอขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก : โยธาสาร วิศวกรรม คอนกรีตและวัสดุ ฉบับที่ 25
และ สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม